วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Aéroport Paris-Orly


L'aéroport de Paris-Orly (code AITA : ORY, code OACI : LFPO), couramment abrégé en « aéroport d'Orly » est un aéroport francilien situé à quatorze kilomètres au sud de Paris, près de la commune d'Orly. Il est essentiellement utilisé pour les vols nationaux, européens, et les vols à destination du Maghreb, du Moyen-Orient, des DOM-TOM français et du Québec (Canada) : Montréal et la ville de Québec.
L’aéroport de Paris-Orly est la deuxième plate-forme aéroportuaire de France après l'aéroport Paris-Charles-de-Gaulle, et le dixième aéroport européen, avec 229 335 mouvements par an en 2006. Il est divisé en deux aérogares principales : l'aérogare Sud et l'aérogare Ouest (quatre halls) et dispose de trois pistes. L'aéroport compte aussi une aérogare de fret et une zone d'entretien. Il est géré par la société Aéroports de Paris (ADP).
Son implantation au milieu d'une urbanisation extrêmement forte (2 500 habitants au km²) et les nuisances qu'il génère ne permettent pas son développement.

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

10 อันดับชายหาด ยอดแย่! ไม่น่าเที่ยวที่สุดในโลก

สายลม แสงแดด และเสียงคลื่นกระทบหาด บนพื้นทรายสีขาวที่ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าที่ชวนให้น่าเดินเล่นพักผ่อน แหม่...บรรยากาศดีๆ แบบนี้ คงทำให้เรามีความสุขไม่ใช้น้อยแต่คงไม่ใช้ 10 ชายหาดเหล่านี้แน่นอน เพราะถึงขนาดถูกขนานนามว่าเป็น"ชายหาดยอดแย่ ที่ไม่น่าเที่ยว ที่สุดในโลก"
แต่จะแย่ขนาดไหนนั้น และเป็นที่แห่งใดบ้าง {จะมีบ้านเราด้วยไหมนะ?} ต้องมาดูกันกับ 10 ชายหาด ยอดแย่! ไม่น่าเที่ยวที่สุดในโลก
อันดับ 10. หาด "Blackpool" ประเทศอังกฤษ
ชายหาด Blackpool ถึงแม้ว่าหาดแห่งนี้จะมีรีสอร์ทริมทะเลชื่อดังอยู่หลายแห่ง แต่ก็ยังคงมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากบริเวณโดยรอบชายหาด Blackpool เป็นศูนย์รวมบาร์เครื่องดื่มราคาถูก ที่มีอยู่มากถึง 130 แห่ง ทำให้มักมีบรรดาวัยรุ่นขี้เมา มาขว้างปาขวดแก้ว หรือคอยกลั่นแกล้งข่มขู่เด็กๆ และผู้หญิง ทั้งยังมีเหตุทะเลาะวิวาท ชกต่อยบ่อยๆ
อันดับ 9. หาด "Odaiba" ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ชายหาด Odaiba เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมลพิษ และสารปนเปื้อนในน้ำเกินมาตรฐานความปลอดภัย เป็นเหตุให้ทางการต้องนำป้ายมาปักเตือนนักท่องเที่ยวว่าห้าม ลงเล่น หรือแม้แต่เดินลุยน้ำโดยเด็ดขาด และถ้าจะให้ดีควรสวมหน้ากากอนามัยขณะ มาเดินเล่นริมชายหาดแห่งนี้ด้วย {น่ากลัวจัง...แล้วชาดหาดแถวระยองบ้านเรา จะเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ!}
อันดับ 8. หาด "Doheny" ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ชายหาด Doheny ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นชายหาดที่มีมลพิษมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน จนต้องนำป้ายมาปักเตือนนักท่องเที่ยวว่าห้ามลงเล่นน้ำ เพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่เพียงชายหาดแห่งนี้เท่านั้น แต่ที่แคลิฟอร์เนียยังมีชายหาดอีกหลายแห่งที่มีค่ามลพิษเกินมาตรฐานความ ปลอดภัยอีกด้วย
อันดับ 7. หาด "Repulse" ที่ฮ่องกง
ชายหาด หรืออ่าว Repulse ถูกขนานนามว่าเป็นอ่าวที่สุดแสนโสโครก เต็มไปด้วยมลพิษจากสิ่งก่อสร้างของโครงการต่างๆ นับไม่ถ้วน ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา เป็นเหตุให้เกิดการแพร่กระจายของสาหร่าย "red tide" ซึ่งเป็นสาหร่ายเซลล์เดียวที่มีพิษ ทำลายระบบนิเวศน์ และมีกลิ่นเหม็น ทั้งยังทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีอีกด้วย
อันดับ 6. หาด "Port Phillip Bay" ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
ชายหาด Port Phillip Bay ไม่เพียงแค่สกปรกอย่างเดียว แต่ยังเต็มไปด้วยเศษแก้ว และเข็มฉีดยาของบรรดาวัยรุ่นขี้ยาที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า และเมื่อปีที่แล้วทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ ลงพิ้นที่บูรณะทำความสะอาดครั้งใหญ่กับชายหาดแห่งนี้ และพบว่าบริเวณริมหาดนั้นมีขยะมากมายเป็นจำนวนมากถึง 1 พันตันทีเดียวเชียวละค่ะ
อันดับ 5. หาด "Haina" ที่สาธารณรัฐโดมินิกัน
ชายหาด Haina ถ้าเพื่อนๆ ลงไปดูภาพทางด้านล่างแล้ว คงไม่สงสัยว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงได้อันดับ 5 แห่งชายหาดยอดแย่! เพราะพื้นที่ในแถบนี้ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่พักพิงให้ทิ้งขยะ และของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมที่สกปรกที่สุดในโลก
อันดับ 4. หาด "SEMINYAK" บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
ชายหาด Seminyak จากผลวิจัยของนักนิเวศน์วิทยากล่าวว่า ปัจจุบัน "บาหลี" กำลังประสบปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหามลพิษทางน้ำ ของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และสิ่งปฏิกูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
อันดับ 3. ชายหาด "Marunda" ในเมืองจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย
พระเจ้า...! แทบไม่น่าเชื่อสายตาหากได้เห็นภาพด้านล่าง กับการเพลิดเพลินของเด็กๆ ที่กำลังเก็บเศษขยะพลาสติกในน้ำคลำ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นน้ำทะเลของชายหาด Marunda แต่รู้หรือไม่ว่า...? ถึงแม้น้ำทะเลของชายหาดแห่งนี้จะสกปรกม๊ากมาก... แต่มันก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย
อันดับ 2. ชายหาด "Goa" ประเทศอินเดีย
ชายหาด Goa ท่ามกลางชายหาดแห่งนี้ นอกจากคนที่มานอนอาบแดดแล้ว ยังคงมีสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ก็ชอบอาบแดดเหมือนกัน นั่นก็คือ ฝูงวัวศักดิ์สิทธิ์ ที่คนท้องถิ่นเลี้ยงไว้ และปล่อยให้มันเดินเล่นริมชายหาดตามสบาย เอ๊ะ... มันจะเหมือนกับ 'ม้า' ตามชายหาดบ้านเราหรือเปล่านะ
อันดับ 1. ชายหาด "Chowpatty" ที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย
ชายหาด Chowpatty สมคำล่ำลือจริงๆ ในเรื่องขึ้นชื่อแห่งความสกปรก เต็มไปด้วยขยะ และมลพิษ แถมยังขาดการดูแลเอาใจใส่อีกด้วย ก็เรียกได้ว่ากลายเป็นอันดับ 1 ของชาดหาดยอดแย่! ไม่น่าเที่ยวที่สุดในโลกไปเลย
เป็นไงกันบ้างค่ะเพื่อนๆ เห็นกันไปแล้วกับ 10 อันดับชายหาด ยอดแย่! ไม่น่าเที่ยวที่สุดในโลกซึ่งไม่ก็ไม่น่าจะไปเที่ยวจริงๆ และเราหวังว่า หากเพื่อนๆ ไปเที่ยวทะเลคราวหน้าคงไม่ทิ้งขยะ หรือเศษแก้วกันริมหาดของทะเลบ้านเรานะค่ะ เพื่อชายหาดบ้านเราจะได้ไม่กลายไปติดหนึ่งใน 10 ของอันดับชายหาดยอดแย่กับเขา จนไม่มีใครกล้าไปเที่ยว!!! T___T

La Rochelle



La Rochelle est une commune française, capitale historique de l'Aunis et préfecture du département de la Charente-Maritime, dans la région Poitou-Charentes.
Ses habitants sont appelés les Rochelais[1].
Située en bordure de l’océan Atlantique, au large du pertuis d'Antioche, et protégée des tempêtes par la "barrière" des îles de , d’Oléron et d’Aix, la ville est avant tout un complexe portuaire de premier ordre et, ce, depuis le XIIe siècle. Elle conserve plus que jamais son titre de Porte océane par la présence de ses trois ports (de pêche, de commerce et de plaisance).
Cité millénaire, dotée d’un riche patrimoine historique et urbain, La Rochelle est aujourd’hui devenue la plus importante ville entre Loire et Gironde. Ses activités urbaines sont multiples et fort différenciées. Ville aux fonctions portuaires et industrielles encore importantes, elle possède un secteur administratif et tertiaire largement prédominant que viennent renforcer son Université et le tourisme.

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

10 สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีคดีล้วงกระเป๋าชุกชุมที่สุด


เผย 10 รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งมีคดีล้วงกระเป๋าชุกชุมที่สุด (มติชนออนไลน์) คู่รักจำนวนมากอาจจะคุ้นเคยกับคำกล่าวที่ว่า "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" เป็นอย่างดี แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปทั่วโลกแล้ว พวกเขาย่อมรู้ซึ้งถึงสัจธรรมที่ว่า "ที่ใดมีนักท่องเที่ยว ที่นั่นมีนักล้วงกระเป๋า" เช่นกัน เว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดังของต่างประเทศ ได้จัดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งขึ้นชื่อลือชาเรื่องการเกิดคดีล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวมากที่สุด จำนวน 10 แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นเมืองในทวีปยุโรป ได้แก่...


1. ย่านลาส แรมบลาส เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ถนนคนเดินที่มีชีวิตชีวา ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงเพลงและผู้คนอยู่ตลอดวันตลอดคืนแห่งนี้ ถือเป็นสวรรค์สำหรับบรรดานักล้วงกระเป๋าตัวยง


2. กรุงโรม ประเทศอิตาลี แม้โบราณสถานจำนวนมากของนครหลวงแห่งอิตาลี จะถือเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มีความสนใจทางด้าน ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ทว่ามันก็เป็นแหล่งดึงดูดเหล่านักล้วงกระเป๋า ผู้เชี่ยวชาญช่ำชองในการใช้กรรไกรตัดกระเป๋าและลักทรัพย์ของนักท่องเที่ยว นานาชาติเช่นกัน


3. กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ค "สะพานชาร์ลส์" ของนครหลวงแห่งสาธารณรัฐเช็ค ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม เนื่องมาจากอนุสาวรีย์สไตล์บาโร้คซึ่งตั้งเรียงรายอยู่กว่า 30 แห่ง นอกจากนี้ทำเลที่ตั้งของสะพานก็ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทัศนียภาพ ของแม่น้ำกว้างและปราสาทโบราณได้อย่างถนัดตา ทว่านักท่องเที่ยวทั้งหลายก็ต้องระมัดระวังเช่นกันว่าทรัพย์สินมีค่าส่วน ตัวยังคงอยู่กับตนเองภายหลังเดินลงมาจากสะพานดังกล่าว


4. กรุงมาดริด ประเทศสเปน ตลาดขายสินค้ามือสองชื่อดัง "เอล ราสโตร" และสถานีรถไฟใต้ดิน ถือเป็นแหล่งหากินของนักล้วงกระเป๋ามือฉมัง เช่นเดียวกันกับพิพิธภัณฑ์จำนวนมากในเมืองหลวงของสเปน


5. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นครหลวงแห่งแสงสี ซึ่งนักท่องเที่ยวอันล้นหลามสามารถถูกล้วงกระเป๋าได้ตั้งแต่ย่าน "หอไอฟ์เฟล" ไปจนถึง "โบสถ์ซาเคร เกอร์" รวมทั้งตามสถานีรถไฟใต้ดินต่าง ๆ


6. เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี นักท่องเที่ยวนานาชาติไม่ควรตื่นตาตื่นใจกับงานศิลปะขึ้นชื่อฝีมือ "มิเคลันเจโล" รวมทั้งงานศิลปะและโบราณวัตถุล้ำค่าชิ้นอื่น ๆ ในนครหลวงของวงการศิลปะแห่งนี้ จนกระทั่งลืมเลือนที่จะระวังตัวจากบรรดานักล้วงกระเป๋าเชื้อสายอิตาเลียน


7. กรุงบัวเอโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมืองที่มีชีวิตชีวาและสีสันทางวัฒนธรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งจากทวีปอเมริกาใต้ อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวทั้งหลายก็ควรระวังตัวยามร่างกายของคุณแปดเปื้อนกับของเหลว บางชนิดที่คล้ายคลึงกับมัสตาร์ด แล้วมีผู้คนใจดีพยายามมาช่วยเช็ดรอยเปื้อนดังกล่าว เพราะทรัพย์สินส่วนตัวของคุณอาจปลาสนาการไปได้โดยไม่ทันรู้ตัว


8. กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ นอกจากแม่น้ำลำคลองอันโด่งดังและผู้คนที่มีอัธยาศัยเป็นมิตรแล้ว เมืองหลวงของฮอลแลนด์ก็ยังมีนักล้วงกระเป๋าที่ขึ้นชื่ออีกด้วย


9. กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อเดินทางไปเที่ยวชมโบราณสถานยุคกรีกจำนวนมากมายในดินแดนต้นกำเนิดกีฬา โอลิมปิก นักท่องเที่ยวควรเก็บรักษาของมีค่าไว้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา


10. กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมืองหลวงของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมแบบฝรั่งเศส รวมทั้งวัดและเจดีย์โบราณทางพุทธศาสนาอีกกว่า 600 แห่ง ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกแห่งหนึ่ง สำหรับนักท่องเที่ยวนานาชาติ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องระมัดระวังตัวจากการถูกล้วงกระเป๋าอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน